วิชาการเล่นแร่แปรธาตุปรอท

ปรอทเป็นโลหะธาตุที่มีความประหลาดเนื่องจากมีลักษณะเป็นของเหลว สามารถอยู่ได้ในหลายๆลักษณะ คือ อยู่ในรูปของไอหมอก อยู่ในรูปของของเหลว และอยู่ในรูปของ "ของแข็ง" ปรอทยังแบ่งออกในอีกหลายลักษณะ เช่นปรอทหมอก ปรอทน้ำครำ ปรอทป่าช้า ปรอททะเล ปรอทจากถ้ำลอดปรอทขาว และปรอทจากชั้นใต้ดิน
ปรอทจากชั้นใต้ดิน เป็นปรอทที่พบจากการขุดแร่และสูบน้ำมัน เราสามารถพบปรอทจากการขุดแร่ทองแดง รวมทั้งการสูบน้ำมันปรอทจะอยู่รวมกันเป็นชั้นก่อนที่จะถึงน้ำมันดิบ น้ำมันเกิดจากการหมักหมมของซากพืชซากสัตว์ จึงสัณนิฐานได้ว่าปรอทคงลงมากินซากพืชซากสัตว์ในชั้นนี้จนกลายเป็นชั้นปรอท ไป และปรอทกลุ่มนี้เองที่ถูกนำมาใช้ทางวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม หากจะกล่าวถึงคุณสมบัติทางไสยศาสตร์แล้วมันก็มีเหมือนปรอททั่วๆไป เพียงแต่ว่าพิษของปรอทพวกนี้จะมากหน่อยเท่านั้นเอง
ปรอทจากน้ำครำ เป็นปรอทสกปรกเช่นกัน แต่อาศัยการดักจับ อาจารย์โยธินกล่าวถึงประสบการณ์ว่าสมัยก่อนหากันได้ง่าย เพียงแค่เราล้างจานเอาเศษข้าวเททิ้งหน้าบ้านตกกลางคืนคุณตาจะชี้ให้ดูว่ามัน เกิดพรายปรอทเป็นแสงเรืองๆตรงกองข้าวที่เราเททิ้งไว้ นั่นหละปรอทมันลงมากิน ถ้ามีเวลาก็เอาไข่ดิบเจาะรูวางไว้บริเวณดินเลนปรอทก็จะลงมากินเช่นกัน
ปรอทจากสินแร่ ปรอทพวกนี้พบจากการขุดแร่อย่างทองแดง นอกจากนี้ยังพบจากการขุดแร่เหล็ก หรืออย่างแร่เขาอึมครึมบางก้อนจะมีแร่ปรอทไหล



ผสมอยู่ภายใน มีลักษระเงางามแปลบปลาบมากกว่าพวกที่ไม่มีปรอทสีจะออกเทาดำ มากกว่าดำเป็นนิล ถ้าเหล็กไหลเขาอึมครึมก้อนไหนมีปรอทในตัวมากเป็นพิเศษจะมีอานุภาพทางล่องหน หายตัว และกันไข้ป่าเขี้ยวงาอสรพิษมากกว่าก้อนธรรมดาทั่วไปซึ่งไม่มีปรอทเข้าแทรก
ปรอทจากแร่ยังพบในแร่บางไผ่ ซึ่งเป็นแร่เหล็กไหลน้ำอย่างหนึ่ง มันเป็นแร่เหล็กตามธรรมชาติที่เนื้อในของแร่ชนิดนี้มีปรอทซึมอยู่ตาม ธรรมชาติ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมแร่ชนิดนี้จึงต้องกินน้ำคาวปลา ก็เพราะปรอทที่อยู่ภายในก้อนแร่มันต้องการจะกิน พบว่าแร่ก้อนไหนที่แตกหักจะมีพรายปรอทเกาะเป็นเลื่อมพรายสีขาวๆเรืองๆเห็น ได้ชัดเจน เมื่อเอาก้อนที่แตกหักพ้นน้ำขึ้นมาปรอทภายในเนื้อแร่จะระเหิดหายไปในอากาศ แต่นั้นไปก้อนแร่จะเริ่มผุจนกลายเป็นขี้ดิน
ปรอทจากว่าน เพราะว่านหลายชนิดดูดหรือดึงปรอทเข้าไว้ในตัวตามธรรมชาติรวมถึงต้นไม้บาง ชนิดอย่างต้นหนาดก็มีพรายปรอทอยู่ตามหลังใบและรากรวมถึงแก่น ต้นหนาดจึงเป็นที่หวาดกลัวของผียิ่งนัก หรืออย่างว่านพะตะบะก็เช่นกัน
ในบรรดาแร่และว่านที่มีปรอทแทรกอยู่ภายในจะมีฤทธิ์เป็นพิเศษคือยามคืนเดือน เพ็ญจะสามารถเรืองแสงสว่าง ถ้ามีฤทธิ์มากปรอทภายในจะถอดตัวออกมาหากินได้ อย่างแร่บางไผ่ก็สามารถแสดงฤทธิ์เป็นดวงไฟลอยไปหากินหรือลอยมาเล่นแสงจันทร์ เช่นเดียวกันกับว่านโพงซึ่งมีปรอทอยู่ภายในสามารถถอดเจตสิกเป็นดวงลอยไปหา กินได้
ปรอทจากหมอก เป็นปรอทบริสุทธิ์ มีฤทธิ์ร้าย ปรอทพวกนี้ชอบกินเกสรดอกไม้ โดยเฉพาะจากดอกไม้ที่มีพิษอย่างต้นลำโพง เราสามารถสัณนิฐานได้อย่างหนึ่งว่าปรอทเป็นภูติ เป็นชีวภูติที่ต้องการสร้างตบะสร้างฤทธิ์ให้ตนเอง จึงชอบแสวงหาว่านยาอาหารและพิษมาสะสมไว้ ทั้งหมดก็เพื่อให้ตัวมันมีอำนาจ และคงเป็นธรรมชาติที่ปรอทมีอำนาจสามารถดูดกลืนและกัดกินสารพัดสิ่งได้ อย่างไม่ต้องกลัวใคร
ดอกลำโพงเป็นดอกไม้ที่ปรอทชื่นชอบ อาจารย์โยธินกล่าวว่าหากใครมีวาสนาได้ดอกลำโพง ๕ ชั้น จะมีอำนาจฆ่าพิษปรอทได้และยามที่มันออกดอกบานขึ้นมาก็สามารถดักปรอทหมอก จากดอกลำโพง กลีบซ้อน ๕ ชั้นได้เช่นเดียวกัน
ปรอทจากป่าช้า มันเป็นปรอทพวกเดียวกันกับปรอทน้ำครำ แต่มีฤทธิ์สูงกว่าเยอะเนื่องจากมันผ่านการกินศพคน ไอปราณจากศพมนุษย์ที่ซึมอยู่ภายในตัวมัน น้ำเลือดน้ำเลืองเนื้อมนุษย์ที่ถูกมันย่อยจนกลายเป็นพลังชีวิตในตัวมันเมื่อ ถูกสะสมนานวันเข้าทำให้มันมีตบะเดชะ ภูติผีปีศาจจะกลัวปรอทประเภทนี้มาก เพราะรู้ดีว่ามันกินศพถือว่าแพ้ทางกันโดยธรรมชาติปรอทประเภทนี้จะพัฒนากลาย เป็นภูติร้ายที่มีฤทธิ์ต่อไป
ปรอททะเล เป็นประเภทเดียวกันกับปรอทน้ำครำ แต่มีฤทธิ์มากกว่า เพราะผ่านการเสพแร่ธาตุในทะเลซึ่งทำให้เกิดตบะเดชะมากกว่าปรอทน้ำครำที่เสพ แต่ของเน่าเหม็น ไม่เกิดตบะเดชะขึ้นมาได้ ปรอททะเลเมื่อเกิดตบะมาขึ้นก็พัฒนาเป็นภูติร้าย เป็นพรายทะเลที่ดูดเลือดคนสัตว์กินได้
ปรอทลงโป่ง เป็นปรอทที่พบตามโป่งดิน โป่งคือดินที่มีแร่เกลืออยู่ภายในสัตว์มักลงมากินยามค่ำคืนถือว่าเป็นยา อย่างหนึ่งของสัตว์ป่า นายพรานมักมาจังหวะมาดักยิงสัตว์ป่าบริเวณโป่งเมื่อสัตว์โดนยิต้องมีเลือด บ้างก็ล้มตายแถวนั้น พวกปรอทป่าจึงมักมาลงที่โป่งเพื่อเสพเลือดสัตว์ป่าที่หยดลงมานานวันเข้า พัฒนาตัวเองเป็นผีโป่ง ซึ่งบางคนเข้าใจว่าผีโป่งคือวิญญาณสัตว์ป่าที่ถูกยิง แต่ความจริงไม่ใข่ มันคือปรอทป่าที่มาลงโป่งเมื่อมันได้เสพเลือดเนื้อของสัตว์มากเข้าก็พัฒนา เป็นผีโป่งลอยไปหากินหรือแปลงร่างเป็นคนเป็นสัตว์ได้
ปรอท นอกจากมีชีวิตพื้นฐานของมัน ปรอทป่า ปรอทธรรมชาติจำนวนมากยังมีวิญญาณของเจ้าป่า เจ้าที่ เข้าควบคุมเป็นเจ้าของ เนื่องจากวิญญาณที่มีฤทธิ์ระดับเจ้าพ่อเจ้าแม่เมื่อได้ปรอทมาเป็นบริวารก็จะ ยิ่งมีอานุภาพมาขึ้น ดังนั้นดวงปรอท ดวงพรายที่ลอยหากินบางครั้งไม่ได้เกิดจากอำนาจปรอทเพียงอย่างเดียใ แต่หมายถึงมีวิญญาณของเจ้าพ่อเจ้าแม่เจ้าที่เจ้าป่าคอยกำกับอยู่เสมอ
ปรอท ถือว่าเป็นญาติใกล้เคียงกับเหล็กไหล มันคือสิ่งมีชีวิตในเครือเดียวกัน เมื่อพัฒนาให้ปรอทกลายเป็นปรอทบริสุทธิ์สูงสุดก็จะมีอำนาจประดุจเดียวกันกับ เหล็กไหลชั้นยอดทุกประการ ดีไม่ดีจะมีอำนาจสูงกว่าด้วยซ้ำไป
ปรอทกรอ เป็นวิชาปรอทที่ซัดปรอทขึ้นรูปเป็นเม็ดกลมๆแล้วบรรจุเข้าสู่ลูกโลหะ เมื่อเอาปรอทกรอมากลิ้งดูจะได้ยินเสียงกริ๊งๆ ครืดๆ ตามแต่ปรอทที่ซัดไว้จะเป็นชั้นใด หากเป็นปรอทซัดชั้นยอดเสียงที่กังวานออกมาจากปรอทกรอจะกังวานไพเราะเป็น อย่างยิ่ง ความสำคัญของปรอทกรอก็อยู่ที่การหาปรอทซัดขึ้นรูปนี่เองและจะซัดปรอทได้ ระดับใด ยิ่งเป็นปรอทชั้นสูงก็ยิ่งทำให้ปรอทกรอมีอานุภาพมากขึ้นตามลำดับ
ส่วนอานุภาพของปรอทกรอ มีตั้งแต่ส่งสัญญาณเตือนภัยได้ เป็นทั้งแคล้วคลาดคงกระพันหนังเหนียว กันไข้ป่า กันคุณไสยภูติผีปีศาจ ค้ำชูดวงชะตา เป็นเมตตามหานิยมในตัวด้วย เรียกว่ามีอานุภาพครอบจักรวาลคือดีในทุกๆด้านนั่นเอง แม้กระทั่งการนำปรอทกรอมานั่งสมาธิกรรมฐานกำหนดจิตตามลูกปรอทที่สั่นไปมาใน เบ้าก็ทำให้เกิดสมาธิได้ดียิ่ง
ปัจจุบันปรอทกรอหายากมากครับ สมัยก่อนโด่งดังจากการพบปรอทกรอที่กรุศรีเทพ เมืองปราจีน และการพบปรอทกรอตามกรุวัดร้างแถบอยุธยาและสุโขทัย เดี๋ยวนี้หาผู้ทำปรอทกรอ ยากเพราะขาดความรู้ทางเล่นแร่แปรธาตุครับ
อาจารย์ท่านอยากเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปให้มากที่สุด เพราะอาจารย์ท่านคิดว่าวันหนึ่งก็ต้องตาย หากไม่มีใครเรียนรู้วิชานี้คงสาบสูญเป็นแน่ ปัจจุบันวิทยาการทั้งแพทย์แผนไทย สมุนไพร รวมไปถึงไสยศาสตร์ต่างๆ เริ่มถดถอยสูญหายไปทีละวิชาเพราะขาดการสืบทอด อีกหน่อยภูมิความรู้ของบรรพบุรุษคงสาบสูญไปหมด ดังนั้นท่านจึงไม่คิดปิดบังวิชาใดๆทั้งสิ้นครับ
เรื่องการเล่นแร่แปรธาตุ จัดเป็นศาสตร์เร้นลับที่ไม่เหมือนวิทยาศาสตร์ทั่วไป เพราะต้องอาศัยแรงใจหรือพลังจิตเป็นปัจจัยสำคัญในการแปรธาตุ มันเป็นการผสมผสานระหว่างความรู้เชิงวัตถุธาตุและพลังจิต สันนิฐานได้ว่าวิชานี้น่าจะสืบทอดมาจากอาณาจักร
แอตแลนติสโบราณ เราจึงพบการเล่นแร่แปรธาตุในช่วงสมัยต่างๆ ไม่ว่าอียิปต์ อารยะธรรมลุ่มแม่น้ำไทกรีสยูเฟติส อารยะธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ หรือแม้แต่ในจีนก็ยังมี ไทยเรารับเอาวิชาสายนี้มาจากพราหมณ์ของอินเดีย รับมาทั้งโดยตรงและส่งทอดมาจากขอมอีกทางหนึ่ง
วิชาการเล่นแร่แปรธาตุปรอทสำเร็จนั้น มีตั้งแต่การแปรตะกั่วเป็นทองคำ และแปรปรอทเป็นแก้วจักรพรรดิ์ ผู้ที่ศึกษาปรอท มีสองจำพวกคืออยากรวยด้วยการศึกษาแปรธาตุเป็นทอง กับอีกพวกคืออยากเป็นอมตะ อย่างไรก็ตามการจะสำเร็จปรอทชั้นสูงสุดเป็นแก้วกายสิทธิ์นั้นต้องเป็นผู้มี บุญญาธิการถึงพร้อมจริงๆจึงสำเร็จได้ ส่วนที่เหลือก็ได้ปรอทชั้นทนสิทธิ์และกายสิทธิ์ซึ่งมีอำนาจทางคงกระพันไปถึง ตัวเบาเป็นชาตรีเพียงเท่านี้ก็นับว่าสุดยอดแล้ว
ปรอทชั้นสูงสุดเมื่อแปรเป็นแก้วได้แล้วยังมีเหนือไปกว่านั้นคือตีแก้วให้ กลายเป็นพระขรรค์แก้ว ตามตำรากล่าวว่าผู้ใดทำได้ถึงขั้นนี้มีอำนาจดั่งพระอนิทร์เลยเชียว
เมื่อพิจารณาวิชาปรอทจึงเห็นได้ว่า ปรอท ชั้นสูงก็คือแก้วกายสิทธิ์ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำท่านเรียกว่าแก้วจักรพรรดิ์ ชั้นรองเรียกว่า แก้วราหู จัดเป็นแก้ววิเศษที่มีอำนาจทางเรียกทรัพย์สินเงินทอง คุ้มครองป้องกัน ประทานความสำเร็จให้แก่ผู้ครอบครองได้
ปรอท มีความผูกพันกับแก้วกายสิทธิ์ แก้วจักรพรรดิ์ อย่างลึกซึ้งละเอียดละออ เพียงแค่ลูกปรอทชั้นทนสิทธิ์ขึ้นไปก็มีอำนาจด้านคุ้มครองดวงชะตาผู้ครอบครอง เป็นเจ้าของได้แล้ว มีอำนาจเรื่องหนังเหนียวคงกระพันกันเขี้ยวงาอสรพิษได้เป็นอย่างดี รวมถึงกันไข้ป่าโรคระบาดและคุณผีคุณคนได้ด้วย
และเคล็ดลับสำคัญคือหากนำมาอธิษฐานด้วยบทจักรพรรดิ์ของหลวงปู่ดู่ อธิษฐานลูกปรอทเป็นดวงแก้วจักรพรรดิ์ ด้วยบารมีพระรัตนตรัยและบารมีพระจักรพรรดิ์ พระโพธิสัตว์ อันมีหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่เป็นที่สุด ลูกปรอททนสิทธิ์ก็จะมีพุทธคุณเป็นแก้วจักรพรรดิ์ชั้นยอด มีคุณวิเศษเหนือชั้นขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว ซึ่งวิธีนี้เรียกว่าการสร้างกฤติยาคมแฝด คือ ที่มาของธาตุเป็นปรอทก็นับว่ายอดดีแล้ว ต่อยอดดีเข้าไปด้วยบารมีพระรัตนตรัยพระจักรพรรดิ์ก็ยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นไปอีก นี่แหละครับวิธีของผมเองที่ใช้ลูกปรอทมาอธิษฐานและทำสมาธิอยู่เสมอ
ปรอทแม้เพียงปรอทน้ำก็กันเหา กันแมลง กันไข้ป่าได้ แต่ถ้าปรอทซัดว่านยาขึ้นรูปจะมีอานุภาพทางคงกระพันเป็นเบื้องต้นเรื่องกันผี กันคุณไสยและเขี้ยวงารับรองได้ แต่จะดีด้านค้ำคูณดวงชะตาอย่างยิ่ง หากเมื่อใดดวงตกแบบหนักๆ ปรอทจะสีหม่นลงไปทันที ในขณะเดียวกันถ้าปรอททนสิทธิ์อยู่กับผู้สวดมนต์ไหว้พระปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน ปรอทจะแปรสีสันสวยงามหรือแวววาวให้เห็นเป็นอัศจรรย์ และเนื่องจากปรอทมีชีวิตมันจึงเปลี่ยนสีสันได้อยู่เสมอ ผมเองขอปรอททั้งแบบปรอทเพชรที่ไม่กินทองและปรอททนสิทธิ์ชนิดที่ยังกิน ทองอยู่ อย่างปรอททนสิทธิ์ที่กินทอง ปรอทประเภทนี้จะสามารถเกลือกสีผิวตัวเองได้ดี เวลาแปรสีก็จะอมเขียวอมทองอย่างที่เห็น ส่วนปรอทเพชรถ้าอยู่กับผู้ปฏิบัติจะเกิดประกายแวววาวมากขึ้นตามลำดับ ส่วนสีของปรอทเพชรสูตรของอาจารย์โยธินจะเป็นปรอทสีออกเขียวอมทอง อาจารย์โยธินบอกว่าถ้าทิ้งเวลาในการหุงปรอทนานขึ้นเรื่อยๆมันก็แปรสีออกขาว ใสมากขึ้นตามลำดับ นับว่าเป็นความลึกลับมหัศจรรย์ของปรอทและนับเป็นภูมิปัญญาอันชายฉลาดของ บูรพาจารย์แต่ก่อนเก่าที่สามารถศึกษาเรื่องปรอทและการเล่นแร่แปรธาตุได้ อย่างลึกซึ้ง


 ซื้อผ่าน shopee รับโค๊ดส่วนลด 500บาท  SABNSUK5





..........
ขับเคลื่อนโดย Blogger.