จะท่องคาถาใดๆ จำเป็นต้องท่องนะโม 3 จบหรือไม่
นะโม 3 จบหมายถึงอะไร นะโม 3 จบเพื่อขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย ขอฝากกระแสคำภาวนาหรือคาถาที่กำลังจะใช้ทั้งหลาย ได้รับพลังหนุนส่งจากกระแสพลังแห่งพระรัตนตรัย และเหตุผลสำคัญหลักๆเลย คืออย่างน้อยเป็นการตั้งจิตให้มีสมาธิ ใช้การท่องนะโม 3 จบข่มจิตไม่ให้ฟุ้งซ่าน เป็นสมาธิระดับนึง การท่องคาถาหรือการจะอาราธนาใดๆ การขอสิ่งใดๆจากเครื่องรางวัตถุมงคลย่อมเกิดผลดีกว่า ถ้าถามว่าจะไม่ตั้งนะโมได้มั้ย ก็ได้เช่นกันถ้าหากว่าสามารถทำจิตได้เป็นสมาธิพอ แต่ยังไงการตั้งนะโมย่อมได้แรงหนุนส่งจากกระแสแห่งพุทธคุณมาเสริมด้วยอีกแรง
แต่ทีนี้ถ้าหากการจะต้องมานั่งท่องนะโม 3 จบในทุกๆครั้งก่อนการใช้ คาถาอาคมหรือเครื่องรางต่างๆ ยิ่งในช่วงเวลาที่กระชั้นชิด เช่นอยากจะใช้คาถาเมตตา ก่อนเข้าหาผู้ใหญ่ หรือการใช้คาถาเสน่ห์ก่อนจะเข้าคุยกับสาวๆ คงบอกได้แค่ไม่ทันกินแน่นอน ดังนั้นคนที่เชี่ยวชาญคาถาอาคมในระดับนึง จึงใช้วิธีย่อตัวคาถา ย่อการตั้งนะโม 3 จบมาเป็นแค่ "โอม"
แต่ทีนี้ถ้าหากการจะต้องมานั่งท่องนะโม 3 จบในทุกๆครั้งก่อนการใช้ คาถาอาคมหรือเครื่องรางต่างๆ ยิ่งในช่วงเวลาที่กระชั้นชิด เช่นอยากจะใช้คาถาเมตตา ก่อนเข้าหาผู้ใหญ่ หรือการใช้คาถาเสน่ห์ก่อนจะเข้าคุยกับสาวๆ คงบอกได้แค่ไม่ทันกินแน่นอน ดังนั้นคนที่เชี่ยวชาญคาถาอาคมในระดับนึง จึงใช้วิธีย่อตัวคาถา ย่อการตั้งนะโม 3 จบมาเป็นแค่ "โอม"
คำว่าโอม คือสัญลักษณ์ของศาสนาฮินดู เป็นตัวอักษรเทวะนาคี 3 ตัว ได้แก่ อะ อุ มะ เมื่อออกเสียงเร็วๆจะกลายเป็น โอม ดังนั้นมนต์พราหมณ์ส่วนใหญ่ จึงมักจะมีคำว่าโอม ขึ้นต้นนำหน้าเสมอๆ สังเกตุได้จากหลายๆบทของพราหมณ์ และการออกเสียงโอมของมนต์พราหมณ์จะไม่เพียงออกเสียงเฉยๆ จะต้องเปล่งด้วยเสียงให้ทุ้ม นุ่มลึก และลากเสียงยาวๆเสมอ เพื่อเป็นการระลึกถึงองค์มหาเทพทั้งสามของพราหมณ์ อันได้แก่ พระพรหม พระศิวะ พระนารายณ์ ดังนั้นหากได้ยินการเปล่งเสียงโอมจากคนที่เข้าใจในเรื่องมนต์พราหมณ์ บางคนจึงเกิดอาการใจสั่น-มือไม้สั่น นั่นก็เพราะผู้เปล่งเสียงโอม แตกฉานในเรื่องการใช้มนต์พราหมณ์นั่นเอง
อันนี้คือที่มาของการใช้โอม ส่วนคำว่าโอมมาใช้ประยุกต์ใช้กับมนต์ทางพุทธได้ยังไง ก็ต้องย้อนกลับไปเป็นพันปี ที่โบราณจารย์ที่่ท่านได้เห็นว่า เหล่าคาถาอาคมต่างๆ แม้ใช้มนต์พราหมณ์ยังขลัง ยังศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพมากมาย หากถอดเนื้อมนต์พราหมณ์ออกมาใส่ มนต์พุทธเข้าไปจะทรงอานุภาพมากขนาดไหน ท่านจึงได้นำเนื้อมนต์พุทธใส่เข้าไป อะอุมะ แบบเวทย์มนต์ทางพุทธ ก็จะหมายถึงพระรัตนตรัย หรือจะแทนการตั้งนะโม 3 จบไปก็ได้เช่นกัน จึงทำให้หลายๆคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิด ท่องทั้ง โอม ทั้งนะโม ไปด้วยกันเลยก็มี เพราะเข้าใจว่า ไหนๆก็ไหนแล้ว จะได้ช่วยเสริมพลังทวีคูณ ทั้งมหาเทพทางพราหมณ์ ทั้งพระรัตนตรัยทางพุทธ
ซึ่งการทำแบบนี้ผลที่ได้คือ ทั้งโอม ทั้งนะโม หักล้างกันเอง ได้ผลเท่ากับ 0 นั่นคือไม่มีประโยขน์อะไร ความรู้นี้จากปู่อำนาจ ทองเจริญ ท่านได้ให้ความรู้ไว้ว่า หากจะโอมต้องไม่นะโม หากจะนะโมไม่ต้องโอม ให้ใช้อันใดอันนึงไปเลย.........
อ่านแล้วก็ไปเลือกดูเอานะครับ ว่าอยากจะท่องแบบไหน ถนัดแบบไหนชอบแบบไหน แต่ล่ะไม่เหมือนกัน เล่าให้ฟังเท่าที่รู้ให้ได้อ่านๆเป็นความรู้กัน คาถาอาคม เป็นเรื่องลึกซึ้งหากอยากแตกฉานให้ได้ผล จะศึกษาเรื่องใดก็ต้องลงรายละเอียดให้ลึกครับ แล้วหลายๆคำตอบที่ได้มาจะทำให้รู้ว่าของแบบนี้ไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่ละเรื่องแต่ล่ะสิ่งมีเหตุผลคำอธิบายที่ลึกซึ้ง ให้ค้นหาอีกมากมายครับ
อันนี้คือที่มาของการใช้โอม ส่วนคำว่าโอมมาใช้ประยุกต์ใช้กับมนต์ทางพุทธได้ยังไง ก็ต้องย้อนกลับไปเป็นพันปี ที่โบราณจารย์ที่่ท่านได้เห็นว่า เหล่าคาถาอาคมต่างๆ แม้ใช้มนต์พราหมณ์ยังขลัง ยังศักดิ์สิทธิ์มีอานุภาพมากมาย หากถอดเนื้อมนต์พราหมณ์ออกมาใส่ มนต์พุทธเข้าไปจะทรงอานุภาพมากขนาดไหน ท่านจึงได้นำเนื้อมนต์พุทธใส่เข้าไป อะอุมะ แบบเวทย์มนต์ทางพุทธ ก็จะหมายถึงพระรัตนตรัย หรือจะแทนการตั้งนะโม 3 จบไปก็ได้เช่นกัน จึงทำให้หลายๆคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจผิด ท่องทั้ง โอม ทั้งนะโม ไปด้วยกันเลยก็มี เพราะเข้าใจว่า ไหนๆก็ไหนแล้ว จะได้ช่วยเสริมพลังทวีคูณ ทั้งมหาเทพทางพราหมณ์ ทั้งพระรัตนตรัยทางพุทธ
ซึ่งการทำแบบนี้ผลที่ได้คือ ทั้งโอม ทั้งนะโม หักล้างกันเอง ได้ผลเท่ากับ 0 นั่นคือไม่มีประโยขน์อะไร ความรู้นี้จากปู่อำนาจ ทองเจริญ ท่านได้ให้ความรู้ไว้ว่า หากจะโอมต้องไม่นะโม หากจะนะโมไม่ต้องโอม ให้ใช้อันใดอันนึงไปเลย.........
อ่านแล้วก็ไปเลือกดูเอานะครับ ว่าอยากจะท่องแบบไหน ถนัดแบบไหนชอบแบบไหน แต่ล่ะไม่เหมือนกัน เล่าให้ฟังเท่าที่รู้ให้ได้อ่านๆเป็นความรู้กัน คาถาอาคม เป็นเรื่องลึกซึ้งหากอยากแตกฉานให้ได้ผล จะศึกษาเรื่องใดก็ต้องลงรายละเอียดให้ลึกครับ แล้วหลายๆคำตอบที่ได้มาจะทำให้รู้ว่าของแบบนี้ไม่ใช่เรื่องงมงาย แต่ละเรื่องแต่ล่ะสิ่งมีเหตุผลคำอธิบายที่ลึกซึ้ง ให้ค้นหาอีกมากมายครับ
Post a Comment