ตำราศาสตร์ อิสลาม ขมังเวทย์ ไสยศาสตร์ เสน่ห์ยาแฝด มนต์ดำ และ เลขยันต์ ต้องห้าม

 ซัมสุล มะอาริฟ شمس المعارف คือหนึ่งในหนังสือ " ต้องห้าม " หนังสือ " อัปมงคล " เล่มหนึ่ง ในหน้าประวัติศาสตร์ของตำราอิสลาม



" ซัมสุล มะอาริฟ " คือ ตำราศาสตร์ขมังเวทย์ ไสยศาสตร์ เสน่ห์ยาแฝด มนต์ดำ และ เลขยันต์
เป็นหนังสือที่อุละมาทั้งหมดประณาม สาปแช่ง และตั้งข้อรังเกียจที่สุด
บรรพบุรุษมุสลิมในโลกอาหรับ ทุกชั่วรุ่น ทุกเจเนเรชั่น สั่งเสียลูกหลาน ต่อ ๆ กันมา เป็นทอด ๆ
" ห้ามอ่าน ห้ามเข้าหา และห้ามเข้าใกล้ "
ไม่นานมานี้ มีถ้อยคำหนึ่ง ถูกพูดถึงกันมาก ในหมู่พี่น้องมุสลิมเมืองไทยบ้านเรา จนกลายเป็นไวรัล
หรือ เรื่องราวที่ถูกพูดอย่างแพร่หลายในโลกของสื่อโซเชียล
ถ้อยคำดังกล่าวมีการกล่าวถึงอย่างอึกทึกครึกโครมต่าง วิพากษ์วิจารณ์กว้างขวาง บู้หน้าเบี้ยว คอบิด คอเอียง เส้นเลือดปูดโปน
เกือบทุกวงสนทนาเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งพริกกะเหรี่ยง พริกขี้หนูสวน พริกจินดา แน่นอนว่า เผ็ดร้อน
ถ้อยคำที่กำลังจะพูดถึง คือ คำว่า " ของแขก "
ถ้อยคำ " ของแขก " ไม่ใช่คำที่ถูกใช้อย่างเป็นทางการ ในข้อมูลทางวิชาการ
ดังนั้น หาแปลกใจไม่ ไร้ปรากฏคำว่า " ของแขก " ในพจนานุกรม ทั้งใน ฉบับราชบัณฑิตยสถาน หรือ ฉบับ อ.เปลื้อง ณ นคร
ซึ่งถ้อยคำ " ของแขก " จะถูกใช้อย่างเป็นทางการ หรือ ไม่เป็นทางการ หาใช่สาระสำคัญของถ้อยคำ
เพราะบทความนี้ ไม่ใช่งานวิจัย เพื่อทำรายงานส่งอาจารย์ภาษาไทย จึงไม่ต้องการขุดคุ้ยศัพท์แสง ทาง " วิชาศาสตร์นิรุตต์ "
แต่ทว่า ถ้อยคำ " ของแขก " เป็น " ภาษาปาก " ที่ใครได้ยินปั๊บในทันใด ย่อมเข้าใจปุ๊บในทันที หาต้องใช้เวลานึก ไม่ต้องใช้เวลาคิด ว่า หมายถึงอะไร
คิดว่า ชาวบ้านชาวช่อง คนท้องทุ่ง ท้องไร่ ท้องสวน คนริมแม่น้ำ และลำคลอง ทุกผู้ทุกนาม คงเข้าใจถ้อยคำ " ของแขก "
และน่าจะให้ความหมาย ไปในทิศทางเดียวกัน ว่า " ของแขก " คือ ศาสตร์ลึกลับ ที่มุสลิม มีส่วนเกี่ยวข้อง
ศาสตร์ลึกลับ เช่น ไสยศาสตร์ มนต์ดำ ยันต์อักษร เลขยันต์ เสน่ห์ยาแฝด ดูจักรราศี
ทำนายทายทัก หลังจากดูเดือน ดูดาวบนท้องฟ้า และ วิชาว่าด้วย การอยู่ยงคงกระพัน
ที่อาการหนักที่สุด คือ มีการอุปโลกน์เป็นผู้วิเศษ สามารถพูดคุย สื่อสารกับ " ญิน " และ " ซัยฏอน "
โดยมักเรียกการอุปโลกน์ดังกล่าว ด้วยคำว่า " เลี้ยงญิน " และ " เลี้ยงซัยฏอน "
ในทางคำสอน ที่ถูกต้องของศาสนาอิสลามแล้ว มุสลิมส่วนใหญ่ ทราบแน่นอนว่า
ศาสตร์ทั้งหมด ที่เรียกว่า " ของแขก " เป็นสิ่ง " ฮารอม " หรือ สิ่งต้องห้าม
เป็นสิ่งต้องห้าม ขั้นความผิดฉกรรจ์ ใครได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ " ของแขก " ไม่ต้องไปสงสัยเลยว่า
คนที่ยุ่งเกี่ยวกับ " ของแขก " ตกอยู่ในฐานะ " ผู้ทำซิริก " หรือ ผู้ตั้งภาคีกับอัลลอฮฺ ซึ่งผู้ทำซิริกนั้น อัลลอฮฺทรงไม่ให้อภัย
คงไม่ขอเคาะหลักฐาน ถึง ความผิดของคนทำซิริก ไม่ขอขยายความถึงบทลงโทษ ณ อัลลอฮฺ นั้น จะสาหัสสากรรจ์ ขนาดไหน



เพราะมีนักวิชาการอิสลามมากมาย พูดถึงเรื่องนี้ ทั้งเคาะ และทุบ อย่างต่อเนื่อง ตามปรากฏใน " ยูทูป "
กระนั้น เป็นเรื่องน่าเศร้า ที่ยังมีพี่น้องมุสลิมเราจำนวนไม่น้อย ขาดความรู้ ขาดความเข้าใจ
หรือ อาจจะพอมีความรู้ แต่ แต่แกล้งซ่อนรู้ ลดภูมิตัวเอง อยากรู้อยากเห็น ชอบ " ลองของ " ในคำสอนของศาสนาอิสลาม โดยได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ " ของแขก "
อย่างเช่น มีคำบอกเล่าจากบรรพบุรุษมุสลิม ในอำเภอ " บางบัวทอง " จังหวัด นนทบุรี
บรรพบุรุษมักจะบอกเล่า ตักเตือนลูกหลานเสมอว่า ให้ห่างไกลจากศาสตร์ " ของแขก "
สมัยก่อน วิชา " ของแขก " ใน " บางบัวทอง " นั้น ขึ้นชื่อลือชา ร่ำลือทั่วเขตคาม ตั้งแต่ต้นปาก " คลองพระพิมล " ยันสุดปลาย " คลองลากค้อน "
เหล่าเยาวชนมุสลิมที่หลงผิด จำนวนไม่น้อย ถลำลึก สู่ภูมิรู้ และซึมซับ " ของแขก " ดังกล่าว
ยิ่ง " ของแขก " ชนิดหนึ่ง ที่ " เหล่ากุมารมุสลิม " เคลิ้ม ทั้งโปรดปราน และ ปลาบปลื้ม
" เหล่ากุมารมุสลิม " ชอบอก ชอบใจ พาเหรดไปร่ำเรียน กันอย่างเอาเป็นเอาตาย คือ ศาสตร์ลี้ลับ อวิชา ที่เรียกว่า
" โต๊ะเยาะเสือ "
เป็นความเชื่อที่เหล่า " กุมารมุสลิม " หลงผิด คิดไปเองว่า ศาสตร์สกุล " โต๊ะเยาะเสือ " เป็นวิชาอาคมชั้นเลิศ
มีอิทธิฤทธิ์อำนาจเข้มขลัง ป้องกันตนเอง แคล้วคลาด กันลมเพลมพัด พ้นภัยจากเสนียดจัญไร เสริมอำนาจบารมี และ คงกระพันชาตรี
ปัจจุบัน คนที่เคยเรียน ศาสตร์สกุล " โต๊ะเยาะเสือ " ได้ถึงอะญั้ล ล้มหายตายจาก จนเกือบหมด
กอปรกับ การศึกษาศาสนาอิสลามพัฒนาขึ้นมาก
มีบรมโต๊ะครูหลายท่าน ที่สำเร็จการศึกษาจากต่างประเทศ มาให้การอบรม นะศีฮัติ ตักเตือนชาวบางบัวทอง และห้ามปรามเด็ดขาด เช่น
1 - ครูเลาะห์ สอน หรือ อาจารย์ อับดุลลอฮ์ อับดุลลากาซิม เจ้าของฉายาที่ชาวบ้านยกย่อง " อาเลมสี่มัซฮับ "
2 - โต๊ะเยาะ อี หรือ อาจารย์ซาฟิอี วันแอเลาะ ผู้เป็นบิดาของ อาจารย์อับดุลการีม - อาจารย์อับดุลฮากีม วันแอเลาะ
จึงไม่ง่ายที่จะหาพบในทุกวันนี้ คนที่เคยเรียนศาสตร์สกุล " โต๊ะเยาะเสือ "
เมื่อพูดถึงถ้อยคำ " ของแขก " จริง ๆ แล้ว เป็นภาษาปากที่ไม่ได้หลุดมาจากปากของมุสลิม
มุสลิมจะอายปาก สกปรกปาก สกปรกใจ แสลงปาก แสลงใจ จึงไม่พูดศาสตร์นี้ว่า " ของแขก "
แต่ทว่า มุสลิมจะเรียกศาสตร์ประเภทนี้ " ทับศัพท์ " ทางภาษาอาหรับว่า " สะเฮร " سحر
จริงแล้ว คนที่เรียก " ของแขก " กลับเป็นคนต่างศาสนิก
เป็นภาษาปากที่ หลุดมาจากปาก ของ ชนต่างศาสนิก ซะมากกว่า และมีให้เห็นบ่อยซะด้วยซิ
ซึ่งการเรียก " ของแขก " ของชนต่างศาสนิก บ่อยครั้ง มักเกิดขึ้นในวงการกีฬา เช่น " กีฬาชกมวย "
เมื่อมีนักมวยมุสลิมได้รับชัยชนะ เหนือนักมวยที่ไม่ใช่มุสลิม
พอลงเวทีแล้ว กลับไม่ค่อยถูกยอมรับในฝีมือนักชกมุสลิม จึงมักมีกระแสซุบซิบว่า นักมวยที่ไม่ใช่มุสลิมถูก " ของแขก "
ตัวอย่างแรก คือ การชกมวยระหว่าง " ยอดมวยเมืองตรัง " พุฒิ ล้อเหล็ก " พบ " ยอดมวยมุสลิมหาดใหญ่ " เมห์มูด ลูกบ่อทอง
ก่อนการชก ใคร ๆ ก็ว่า " พุฒิ ล้อเหล็ก " แน่เป็นแช่แป้ง ร้อยเปอร์เซ็นต์ นอนมา แลนด์สไลด์ ต้องชนะแน่ แบเบอร์ ชนะใสด้วย
แต่พอได้ ปะหมัด ปะนวม กันแล้ว " เมห์มูด ลูกบ่อทอง " ชกได้ดีกว่า และชนะไปในที่สุด
หลังจากนั้น เกิดข้อครหาแพร่กระจายไปในวงการมวยว่า " พุฒิ ล้อเหล็ก " โดน " ของแขก " เล่นงานเข้าแล้ว
ซึ่งข้อเท็จจริง ได้ปรากฏหลังจากนั้น ว่า " พุฒิ ล้อเหล็ก " หาได้ถูกไสยศาสตร์ " ของแขก " เล่นงาน แต่ที่แพ้ ก็เพราะ " พุฒิ ล้อเหล็ก " ซ้อมน้อย และ ประมาทคู่ต่อสู้
อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ การชกมวยระหว่าง


" กาเซ็มน้อย เกียรติ ต.สร้าง " ยอดมวยมุสลิมจาก ลุมพลี จังหวัดอยุธยา เจ้าของฉายา " โอรสอาหรับ "
พบ ยอดมวยระยอง ที่ต่อมากลายเป็นฮีโร่ เหรียญเงินโอลิมปิก นามว่า " ขาวผ่อง สิทธิชูชัย "
นักมวยทั้งสอง จัดเป็นนักชก ที่มีอาวุธรุนแรง จัดหนัก การชกจึงตื่นเต้น เพราะทั้งคู่แลกแม่ไม้มวยไทย กันอย่างดุเดือด ประเคนฝีไม้ลายมือ อย่างไม่มีใครยอมใคร
ขณะที่การชกบนเวที ดำเนินไปถึง ยก 4 ตามกติกาที่มี 5 ยก
" ขาวผ่อง สิทธิชูชัย " พลาดท่า เสียที ถูกหมัด " กาเซ็มน้อย เกียรติ ต.สร้าง " ถึงหลับสนิท ยิ้มกริ่ม ฝันหวาน ถูกหามใส่เปล เสียฟอร์ม หมดรูป หมดสภาพ
หลังจากนั้น เกิดเสียงซุบซิบ ทั่วไปว่า " ขาวผ่อง สิทธิชูชัย " ถูก " ของแขก "
" ข่าวผ่อง " ถูก " ของแขก " ชนิด "ดุอา " แรง จากหมอมนต์แขกชื่อดัง แห่งลำน้ำ " คลองตะเคียน " เล่นงาน จนทำให้แพ้น็อก " กาเซ็มน้อย เกียรติ ต. สร้าง "
ซึ่งข้อเท็จจริง หลังจากนั้น คือ " ขาวผ่อง " ไม่ได้ถูกไสยศาสตร์ หาได้ถูก " น้ำดุอา " มนต์ดำ " ของแขก " แต่อย่างใด หากแต่ถูกพลังกำปั้นหุ้มนวมของ " กาเซ็มน้อย " เข้าที่จุดโฟกัส
ขอสลับวิก เปลี่ยนฉาก วกมาพูดถึงหนังสือที่ชื่อ " ซัมสุล มะอาริฟ " ตำราปีศาจ ตำราต้องห้าม แห่งประชาชาติอิสลาม
ตำรา " ซัมสุล มะอาริฟ " หรือ มีความหมายหรูเริ่ด ในภาษาไทย " ดวงอาทิตย์แห่งความรู้อันยิ่งใหญ่ " ปรากฏสู่โลกดุนยาใน ศตวรรษที่ 7 แห่งศักราชอิสลาม
หนังสือเขียนโดย กระทาชายคนหนึ่ง ชื่อว่า " อะห์มัด อัลบูนีย์ " احمد البوني
" อะห์มัด อัลบูนีย์ " เกิดที่ ประเทศอัลจีเรีย เสียชีวิตที่ประเทศอียิปต์ เมื่อปี ค.ศ. 1225 ( ฮ.ศ. 622 )
" อะห์มัด อัลบูนีย์ " มีชีวิตอัปยศ หมกมุ่นกับศาสตร์ขมังเวทย์ ตลอดอายุขัยของชีวิต อยู่ในช่วงเวลาสงครามครูเสด ( สงครามครูเสด เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1095 - ค.ศ. 1291 )
ชอบใช้ชีวิตเดินทาง ผจญภัยไปยังดินแดนต่าง ๆ ของโลกอิสลามยุคนั้น เช่น ซาอุดีอารเบีย อิรัก สเปน เยรูซาเล็ม
" อะห์มัด อัลบูนีย์ " มีทักษะความรู้ด้านคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ มีชีวิตลึกลับ ซ่อนเงื่อน พิศมัยการอยู่แบบสันโดษ ไม่สุงสิงกับใคร ครองตัวเป็นโสด ไม่แต่งงาน
และปลื้มที่จะใช้ความคิดเพี้ยน ๆ ให้ฟุ้งซ่านไปกับความเงียบ วิเวก วังเวง และเวิ้งว้าง
ตอนที่ " อะห์มัด อัลบูนีย์ " ยังมีชีวิตอยู่นั้น ตำราของเขา ยังเป็นผืนหนังสัตว์แห้ง กองพะเนิน ที่นิ่งสงบ ไร้การใส่ใจ และ ไม่ถูกนำไปเผยแพร่
หนังสือที่เขาเขียน ได้ถูกนำไปเผยแพร่ หลังจาก ที่เขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว
หนังสือ " ซัมสุล มะอาริฟ " น่าจะกล่าวได้ว่า เป็นปฐมบท แห่งตำรา " ของแขก " ในโลกอิสลาม หรือ ตำราโกหกที่มุสาที่สุดให้กับโลกมุสลิม
" อะห์มัด อัลบูนีย์ " เคยคุยโว โม้เป็นวรรคเป็นเวร หรือ โม้ไม่รู้จักจบสิ้น อวดสรรพคุณ ดั่งโฆษกหนังเร่ขายยา ถึงจุดประสงค์ การเขียนหนังสือ " ซัมสุล มะอาริฟ " ว่า
คือ เวทย์มนต์ วิธีการประกอบพิธีคุณไสย์ ชื่อของญิน วิธีการควบคุมญิน วิธีการสอนให้ญินปฏิบัติตามคำสั่ง และเป็นคู่มือการใช้ เพื่อไปสู่โลกแห่งวิญญาณอันลี้ลับ
ต้นฉบับ หนังสือ " ซัมสุล มะอาริฟ " ปรากฏต่อหน้าสาธารณชน เมื่อ 600 ปีก่อน
กล่าวกันว่า ต้นฉบับดั้งเดิม แค่ฟังก็ต้องขนลุกซู่ เขียนด้วยเลือดกวาง บนผืนหนังสัตว์ธรรมชาติ โดยใช้หนังสัตว์ถึง 160 ผืน เพื่อเขียนให้เสร็จ
สำเนา ที่สาธารณชน พบเห็นได้ในรูปหนังสือ ฉบับที่เก่าแก่ที่สุด คือ ฉบับตีพิมพ์ในอียิปต์ เมื่อปี ค.ศ.1900
และมีตีพิมพ์ ทันสมัยที่สุด คือ ฉบับตีพิมพ์ใน " เบรุต " เลบานอน เมื่อปี ค.ศ.1985 เป็นหนังสือปกแข็ง มีความหนาทั้งหมด 577 หน้า
และที่ล้ำหน้าที่สุด คือ ฉบับที่ถูกโพสต์ใน " อินเตอร์เน็ต "
ฉบับที่ถูกโพสต์ใน " อินเทอร์เน็ต " ซึ่งนับว่า ล้ำหน้าที่สุด กลับกลายเป็น ฉบับวิบัติล้ำหน้า น่ากลัว น่าสยอง และหลอนที่สุด เพราะ สามารถทะลุละลวงไปเขย่าประสาทนักอ่านวงกว้างถึงใน " เคหสถาน "
คราวนี้ หันมาดูหนังสือ " ซัมสุล มะอาริฟ " ว่า เนื้อหาเป็นอย่างไรบ้าง
ผู้เขียนบทความนี้ ได้มีโอกาสเห็นหนังสือเล่มนี้ ทาง " อินเตอร์เน็ต " แต่ไม่กล้าพอที่จะอ่าน
แค่พลิกหน้าหนังสือ จากหน้าแรก
จนหน้าสุดท้าย พลิกหน้าหนังสือไป พลิกหน้าหนังสือมา เพียงแค่ให้ผ่านสายตา
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ หาอ่านจาก " สปอยหนังสือ " บทสรุปของคนที่อ่านหนังสือจบแล้ว
หรือ รีวิวที่ถูกเขียน
" สปอยหนังสือ " บอกว่า ในสองสามบทแรกของหนังสือ " อะห์มัด อัลบูนีย์ " ได้นำเสนอ " สี่เหลี่ยมไสยเวทย์ "
ด้วยการนำเอาตัวเลข และตัวอักษรภาษาอาหรับ มาใส่เข้าร่วมกัน ซึ่งดูไปแล้ว ก็คือ " ยันต์ลงอักขระ "
" อะห์มัด อัลบูนีย์ " เชื่อถึงการนำเสนอดังกล่าวว่า " ขลัง " มีประสิทธิภาพสูง และเป็นวิธีการเดียวที่จะสื่อสารกับญิน และ มะลาอีกะฮ์
หนังสือ " ซัมสุล มะอาริฟ " แบ่งออกเป็น 40 บท เนื้อหาของหนังสือเกิดจาก การจินตนาการล้วน ๆ ของ " อะห์มัด อัลบูนีย์ "
" สปอยหนังสือ " อีกท่านหนึ่ง บอกว่า นี้คือหนังสือที่น่าอับอายที่สุด หนังสือเสนอ " ของแขก " ขั้นพื้นฐาน ในกิจกรรมทางไสยศาสตร์อาหรับ - ไสยศาสตร์มุสลิม
หนังสือ พูดถึง จักรวาลวิทยา จิตลี้ลับแห่งวิญญาณ โหราศาสตร์ รวมถึง เวทย์มนต์ทางจันทรคติต่าง ๆ หรือ ศาสตร์เพี้ยนนอกรีตที่ดูเดือน ดูดาว แล้วเอาไปตีความ
หนังสือ ได้พูดถึง การทำงานร่วมมือของวิญญาณ และ ญิน
อธิบายถึง ความมหัศจรรย์ของอักขระภาษาอาหรับ และ ตัวเลขอาหรับ ที่นำมาประยุกต์ใช้จากกุรอาน
หนังสือ ยังได้นำเสนอ สารานุกรมที่แท้จริงของภูมิปัญญา สูตรคุณไสย์ที่ทรงพลัง ภาพรายละเอียดของยันต์ขมังเวทย์ และ ภาพรายละเอียดของเครื่องรางของขลัง
สรุปแล้ว หนังสือ " ซัมสุล มะอาริฟ " คือ หนังสือต้องห้ามจากปวงปราชญ์อิสลามอย่างไม่ต้องสงสัย
มันเป็นหนังสือที่อันตรายมาก หนังสือบาปที่ต้องระมัดระวัง
ได้ทราบว่า นาทีนี้ บางส่วนของหนังสือ ได้ถูกแปลไปแล้วถึง 4 ภาษา คือ อังกฤษ ตุรเคีย อุรดู และ อินโดนีเซีย
ถ้าไม่ช่วยกันระมัดระวัง เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ในอนาคต อาจจะมีนักแปลสติเฟื่อง เอาหนังสือ " ของแขก " นี้ มาแปลเป็น " ภาษาไทย "
มันเป็นหนังสือที่ " ซัยฏอน " กระซิบกระซาบให้ " อะห์มัด อัลบูนีย์ " เขียนออกไปอย่างคนขาดสติ
หนังสือเล่มนี้ เขียนขึ้น ขณะที่ ฝรั่งยุโรป อยู่ในช่วงเวลา แห่งการมืดมิดทางวิชาการ และเมื่อฝรั่งยุโรป ได้ตื่นขึ้นจากยุคมืด ไปสู่ยุคสว่าง ตามข้ออ้างของชาวยุโรป
กล่าวกันว่า ได้มีฝรั่งนักโหราศาสตร์คนหนึ่ง ชาวฝรั่งเศส ชื่อ " นอสตราดามุส " ยังได้นำหนังสือ " ซัมสุล มะอาริฟ " ไปหาข้อมูลศึกษา ทางโหราศาสตร์
หนังสือ " ซัมสุล มะอาริฟ " จึงเป็น หนังสือซัยฏอน หนังสือ ที่ทำลายความคิด และ อะกีดะฮ์ของมุสลิม
ท้ายนี้ ขอนำคำพูด ของเหล่าอุละมา ที่พูดถึง หนังสือ " ของแขก " ต้องห้าม เล่มนี้
" หนังสือ ซัมสุล มะอาริฟ شمس المعارف คือ หนังสือขมังเวทย์ เป็นหนึ่ง ในหนังสือที่ " สอนเวทย์มนต์ "
ดังนั้น จึงไม่อนุญาตให้เปิดอ่าน ขาย หรือ ซื้อ เพราะ เวทย์มนต์ เป็นสิ่งต้องห้ามอยู่ในนั้น ห้ามแสวงหา และ ห้ามเชื่ออย่างเด็ดขาด "
เรียบเรียงโดย ...
มูซา วันแอเลาะ

ไม่มีความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

ขับเคลื่อนโดย Blogger.